>>แหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ที่สำคัญของภาคกลาง<<
วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555
>>..แผนที่แหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ที่สำคัญของภาคกลาง
วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555
>>..ภัยพิบัติจากวาตภัย Strom Disaster
ผู้เขียนขอนำความรู้เกี่ยวกับวาตภัย การเกิดวาตภัยมาให้ศึกษากันค่ะ
นิยามและความหมาย
วาตภัย หมายถึง
ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดจากความแปรปรวนของมวลอากาศอย่างรุนแรงจากพายุฤดูร้อน
และพายุหมุนเขตร้อน ซึ่งปรากฏในบริเวณที่มีการยกตัวของมวลอากาศ เช่น
ความกดอากาศต่ำ หรือแนวปะทะอากาศ (front)
ก่อให้เกิดลมกรรโชกแรง ลูกเห็บ ฟ้าผ่า
และพายุฝนฟ้าคะนอง
สาเหตุการเกิดวาตภัย
# พายุฟ้าคะนอง(Thunderstorm) เกิดจากสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล
# พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Rain Storm)
# พายุฤดูร้อน
จะเกิดในช่วงที่มีลักษณะอากาศร้อนอบอ้าวติดต่อกันหลายวัน
แล้วมีกระแสอากาศเย็น
จากความกดอากาศสูงมาปะทะกันทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองมีพายุลมแรง
และอาจมีลูกเห็บตกได้จะทำ
ความเสียหายในบริเวณที่ไม่กว้างนัก
# ลมงวง (Tornado) เป็นพายุหมุนรุนแรงขนาดเล็กที่เกิดจากการหมุนเวียน
ของลมภายใต้เมฆก่อตัว
ในทางตั้ง
ในทางตั้ง
การไหลเวียนของอากาศ
อาศัยหลักการที่ว่า “อากาศร้อนจะลอยตัวขึ้นสู่ที่สูงอากาศเย็นจะจมตัวลงมา
ที่พื้น”
ใช้อธิบายการเกิดลมบกลมทะเลและการเกิดลมมรสุม
การไหลเวียนบรรยากาศของโลกในอุดมคติ
ลักษณะของวาตภัย
พายุฟ้าคะนอง (Thunderstorms)
พายุฟ้าคะนอง (Thunderstorms)
# เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันเหนือพื้นผิวโลก
บริเวณขั้วโลกเหนือ และขั้ว
โลกใต้ที่อยู่ในละติจูดที่สูงขึ้นไป
มักจะเกิดขึ้นในฤดูร้อน
# สำหรับประเทศไทยพายุฝนฟ้าคะนองสามารถก่อตัวได้เกือบตลอดเวลา
โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมถึง
เดือนพฤษภาคม
พายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นจะมีความรุนแรงกว่าปกติ จนเกิดเป็นลักษณะที่เรียกว่า
“พายุ
ฤดูร้อน”
# มีลมกรรโชกแรง ฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่า แต่ไม่รุนแรงเท่าพายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดในฤดู
ร้อน แต่อาจเกิดอุทกภัยได้พายุฝนฟ้า
# ความเร็วลมประมาณ 50 km./hr.
# ก่อนเกิดวาตภัยอากาศร้จะอนอบอ้าว มีลมแรงเป็นช่วงๆ
พายุลูกเห็บ(Hail Storms)
# ลูกเห็บ เป็นก้อนน้ำลักษณะเหมือนน้ำแข็ง มีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 5-50 mm
# เกิดจากละอองหยาดฝนซึ่งเย็นแบบยิ่งยวด ในเมฆฝน ปะทะกับฝุ่น หรือ ก้อนลูกเห็บที่เกาะตัวอยู่ก่อน
แล้ว เนื่องจากลมที่พัดพาอยู่เบื้องบน ดังนั้นลูกเห็บอาจเกาะตัวจนเป็นก้อนใหญ่มีน้ำหนักเกินกว่าที่ลมจะ
พัดให้ลอยอยู่ได้และตกลงมา
# มีลมกรรโชกแรง ฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่า แต่ไม่รุนแรงเท่าพายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดในฤดู
ร้อน แต่อาจเกิดอุทกภัยได้พายุฝนฟ้า
# ความเร็วลมประมาณ 50 km./hr.
# ก่อนเกิดวาตภัยอากาศร้จะอนอบอ้าว มีลมแรงเป็นช่วงๆ
พายุลูกเห็บ(Hail Storms)
# ลูกเห็บ เป็นก้อนน้ำลักษณะเหมือนน้ำแข็ง มีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 5-50 mm
# เกิดจากละอองหยาดฝนซึ่งเย็นแบบยิ่งยวด ในเมฆฝน ปะทะกับฝุ่น หรือ ก้อนลูกเห็บที่เกาะตัวอยู่ก่อน
แล้ว เนื่องจากลมที่พัดพาอยู่เบื้องบน ดังนั้นลูกเห็บอาจเกาะตัวจนเป็นก้อนใหญ่มีน้ำหนักเกินกว่าที่ลมจะ
พัดให้ลอยอยู่ได้และตกลงมา
# มักจะมากับ
พายุฝนที่รุนแรง และมักจะมีอากาศเย็น
เนื่องจากการลอยตัวขึ้นของอากาศร้อนและแรง
ดึงดูดของโลก
ลูกเห็บที่ลอยตัวอยู่นานก็จะมีขนาดใหญ่ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า
ลูกเห็บขนาดใหญ่ก็อาจเกิด
ขึ้นได้ในเขตที่มีอากาศร้อน
เนื่องมาจากการลอยตัวขึ้นที่รุนแรงของอากาศร้อน
และยังสามารถเกิดขึ้น
ได้ในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย
Tornado
# เกิดจากเมฆที่ก่อตัวขึ้นในแนวดิ่ง
ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “เมมคิวบูโลพิมพัส (Cumulomimbus)”
นอกจากนี้ถ้าก่อตัวขึ้นในบริเวณพื้นที่ระบบกว้างใหญ่
# สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายลักษณะ
โดยลักษณะที่พบได้บ่อยสุดคือลักษณะรูปทรงกรวย
# มีพลังทำลายได้สูง โดยความเร็วลมสามารถสูงมากถึง 500 km/hr.
พายุหมุนเขตร้อน(Tropical cyclone)
# จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน
เป็นพายุที่เกิดขึ้นเหนือในเขตเส้นศูนย์สูตร มีศูนย์กลางประมาณ 200 กม.
มี
ลมพัดเวียนรอบศูนย์กลางทิศทวนเข็มนาฬิกา
# ตาพายุ เป็นบริเวณที่มีลมสงบ
อากาศโปร่งใส โดยอาจมีเมฆและฝนบ้างเล็กน้อย
# ก่อนเกิดวาตภัย อากาศดี
เมื่อด้านหน้าของพายุมาถึงบริเวณนี้จะมีลมแรง ฝนตกหนักและมีพายุฝนฟ้า
คะนอง
ลมกระโชก ในขณะที่ตาพายุมาถึง อากาศจะโปร่งใสอีกครั้ง
และเมื่อด้านหลังของพายุหมุนมา
ถึง อากาศจะเลวร้ายลงอีกครั้งและรุนแรงกว่าครั้งแรก
# มีชื่อเรียกต่างกันไปตามแหล่งกำเนิด
- พายุที่เกิดในอ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอินเดียเรียก “ไซโคลน (CYCLONE)
- พายุที่เกิดในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ทะเลแคริบเบียน อ่าวเม็กซิโก เรียก “เฮอร์ริเคน
(HURRICANE)”
- พายุที่เกิดในมหาสมุทรแปซิฟิก และทะเลจีนใต้เรียก “ไต้ฝุ่น (TYPHOON)”
- พายุที่เกิดแถบทวีปออสเตรเลียเรียก “วิลลี-วิลลี (WILLY-WILLY)”
# พายุหมุนเขตร้อนที่มีอิทธิพลต่อลมฟ้าอากาศของประเทศไทย ส่วนใหญ่มีแหล่งกำเนิดในมหาสมุทร
แปซิฟิก ซึ่งมีการแบ่งเกณฑ์ความรุนแรงของพายุตามข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยใช้ความเร็วลมใกล้
ศูนย์กลางพายุดังนี้
- พายุดีเปรสชั่น(Depression) ความเร็วลมไม่เกิน 61 km./hr.
- พายุโซนร้อน ความเร็วลม ระหว่าง 62 ถึง 117 km./hr.
- พายุไต้ฝุ่น(Typhoon) ความเร็วลม มากกว่า 118 km./hr.
Hurrican Katrina ถล่ม New Orleans เมื่อเดือนกันยายน 2005
พายุหิมะ (Blizzard)
# ลมพายุที่หนาวจัดและหอบเอาหิมะมาด้วยเป็นจำนวนมาก
ส่วนมากเป็นหิมะฝอย ๆ ละเอียดและแห้ง
หรือย่างน้อยก็พัดหอบเอาหิมะขึ้นไปจากพื้นดิน
# สหรัฐอเมริกากำหนดไว้ว่ามีความเร็วลม
32 miles/hr.# เมื่อลมนี้หอบเอาหิมะมาจะทำให้ทัศนวิสัยลดลง และถ้าพายุหิมะแรงจัดมากบางครั้งทัศนวิสัยจะเป็น
ศูนย์
การเกิดวาตภัยในประเทศไทย
# พายุหมุนฤดูร้อน
ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคม ส่วนมากจะเกิดขึ้นในบริเวณภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก
# พายุฝนฟ้าคะนองจะเกิดในฤดูฝน
ช่วงเปลี่ยนฤดูกาลในตอนต้นฤดูฝน (กลางเดือนพฤษภาคม)
และตอนปลายฤดูฝนก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว (กลางเดือนตุลาคม)
#พายุหมุนเขตร้อน เกิดในฤดูฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม (พายุไซโคลนในทะเลอันดามัน) ถึงเดือน
ตุลาคม (พายุหมุนเขตร้อนในทะเลจีนใต้)
ลักษณะของการหมุนเวียนของกระแสอากาศชั้นบนและชั้นล่างในแต่ละฤดูกาลของประเทศไทย
ช่วงเวลาของพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนที่ผ่านเข้ามาในประเทศไทย
เปอร์เซ็นต์ความถี่ที่ศูนย์กลางพายุเคลื่อนผ่านประเทศไทยในช่วงปี
พศ. 2599-2544
ความเสียหายจากพายุเกย์ ที่จังหวัดชุมพรเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2532 ประชาชนเสียชีวิต 602 คน บาดเจ็บ 5,495 คน
บ้านเรือนเสียหาย 61,258 หลัง ทรัพย์สินสูญเสียราว 11,739,595,265 บาท
เส้นทางของพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนที่พัดผ่านภาคตะวันออก
ในคาบ 50 ปี
จำนวนพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนตัวเข้าภาคตะวันออกในแต่ละเดือน
ในคาบ 50 ปี
ผลกระทบที่เกิดจากวาตภัย
# ต้นไม้ถอนรากถอนโคน ต้นไม้ทับบ้านเรือนพัง สวนไร่นา เสียหายหนักมาก
สังกะสีจะถูกพัดเปิด กระเบื้องหลังคาปลิวว่อน
#เสาไฟฟ้า เสาโทรเลข เสาโทรศัพท์ล้ม สายไฟฟ้าขาด ไฟฟ้าลัดวงจร
# ผู้คนที่พักอยู่ริมทะเล
จะถูกคลื่นซัดท่วมบ้านเรือน และกวาดลงทะเล
# ฝนตกหนักมากทั้งวันและทั้งคืน อุทกภัยจะตามมา # น้ำป่าจากภูเขาไหลหลากลงมาอย่าง รุนแรง ท่วมบ้านเรือน ถนน เส้นทางคมนาคม
# ในทะเลลมพัดแรงจัดมาก คลื่นใหญ่ เรือขนาดใหญ่อาจถูกพัดพาไปเกยฝั่งหรือชนหินโสโครกทำให้จม
ได้
การกำหนดขอบเขตพื้นที่วิกฤตจากวาตภัย
# ศึกษาข้อมูลสถิติการเกิดวาตภัย และความรุนแรงของการเกิดวาตภัยในอดีต
ตลอดจนระดับความเร็ว
ลมใกล้ศูนย์กลาง
และเส้นทางพายุหมุนเขตร้อนซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดวาตภัย
# ศึกษาข้อมูลความเร็วลมสูงสุดรายวัน อย่างน้อยในรอบ 30 ปี แบ่งระดับความเร็วลม
เพื่อแสดงระดับความรุนแรงของวาตภัย
# แบ่งลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ภูเขา พื้นที่ลอนลาด พื้นที่ราบ
และพื้นที่น้ำท่วมถึง
เร็วลม ความถี่ที่พายุเข้า ความถี่ที่พายุเคลื่อนที่ผ่าน สภาพภูมิประเทศรัศมีความรุนแรงของพายุหมุนเขต
ร้อนในระดับต่างๆ
เพื่อนำมากำหนดขอบเขตระดับเสี่ยงวาตภัย
# จัดทำแผนที่แสดงระดับความเสี่ยงวาตภัย โดยการใช้ระบบ GIS
# คำนวณหาบริเวณพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลจากพายุหมุนเขตร้อนที่ระดับต่างๆ
โดยพิจารณาจากพื้นที่ที่อยู่ในรัศมีที่ศูนย์กลางพายุเคลื่อนที่ผ่าน ในเขต 50 และ 100 กิโลเมตร
ระดับพื้นที่เสี่ยงวาตภัย (Risk Area Level)
# พื้นที่เสี่ยงวาตภัยระดับสูง เป็นพื้นที่ที่อยู่ในรัศมี 50 กิโลเมตร
จากแนวศูนย์กลางการเคลื่อนที่ของ
พายุ สภาพพื้นที่เป็นที่ราบต่ำ
อยู่ใกล้แถบชายฝั่งทะเล หรือพื้นที่เกาะ
# พื้นที่เสี่ยงวาตภัยระดับปานกลาง เป็นพื้นที่อยู่ในแนวรัศมี 50 - 100 กิโลเมตร จากแนวศูนย์กลาง
พายุ
สภาพพื้นที่เป็นที่ลอนลาดและที่ราบเชิงเขา
สภาพการใช้ประโยชน์มักจะเป็นพื้นที่เกษตรเป็นส่วน
ใหญ่
# พื้นที่เสี่ยงวาตภัยระดับต่ำ เป็นพื้นที่อยู่นอกแนวรัศมี 100 กิโลเมตร
จากศูนย์กลางการเคลื่อนที่
ของพายุ สภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงเป็นส่วนใหญ่
ความเสียหายจึงเกิดขึ้นไม่มาก
การป้องกันอันตรายจากวาตภัย
# การเตรียมการและขณะเกิดวาตภัย
1.
ติดตามข่าวและประกาศคำเตือนลักษณะอากาศร้ายจากกรมอุตุนิยมวิทยา
2. เตรียมวิทยุและอุปกรณ์สื่อสาร ชนิดใช้ถ่านแบตเตอรี่ เพื่อติดตามข่าวในกรณีที่ไฟฟ้าขัดข้อง
3. ตัดกิ่งไม้ หรือรีดกิ่งไม้ที่อาจหักได้จากลมพายุ โดยเฉพาะกิ่งที่จะหักมาทับบ้าน สายไฟฟ้า ต้นไม้ที่ตายยืนต้นควรจัดการโค่นลงเสีย
4. ตรวจเสาและสายไฟฟ้าทั้งในและนอกบริเวณบ้านให้เรียบร้อย ถ้าไม่แข็งแรงให้ยึดเหนี่ยวเสาไฟฟ้าให้มั่นคง
5. พักในอาคารที่มั่นคงตลอดเวลาขณะเกิดวาตภัย อย่าออกมาในที่โล่งแจ้ง เพราะต้นไม้และกิ่งไม้ อาจหักโค่นลงมาทับได้ รวมทั้งสังกะสีและกระเบื้องจะปลิวตามลมมาทำอันตรายได้
2. เตรียมวิทยุและอุปกรณ์สื่อสาร ชนิดใช้ถ่านแบตเตอรี่ เพื่อติดตามข่าวในกรณีที่ไฟฟ้าขัดข้อง
3. ตัดกิ่งไม้ หรือรีดกิ่งไม้ที่อาจหักได้จากลมพายุ โดยเฉพาะกิ่งที่จะหักมาทับบ้าน สายไฟฟ้า ต้นไม้ที่ตายยืนต้นควรจัดการโค่นลงเสีย
4. ตรวจเสาและสายไฟฟ้าทั้งในและนอกบริเวณบ้านให้เรียบร้อย ถ้าไม่แข็งแรงให้ยึดเหนี่ยวเสาไฟฟ้าให้มั่นคง
5. พักในอาคารที่มั่นคงตลอดเวลาขณะเกิดวาตภัย อย่าออกมาในที่โล่งแจ้ง เพราะต้นไม้และกิ่งไม้ อาจหักโค่นลงมาทับได้ รวมทั้งสังกะสีและกระเบื้องจะปลิวตามลมมาทำอันตรายได้
6. ปิดประตู หน้าต่างทุกบาน
รวมทั้งยึดประตูและหน้าต่างให้มั่นคงแข็งแรง ถ้าประตูหน้าต่างไม่
แข็งแรง
ให้ใช้ไม้ทาบตีตะปูตรึงปิดประตู หน้าต่างไว้จะปลอดภัยยิ่งขึ้น
7. ปิดกั้นช่องทางลมและช่องทางต่าง ๆ ที่ลมจะเข้าไปทำให้เกิดความเสียหาย
8. เตรียมตะเกียง ไฟฉาย และไม้ขีดไฟไว้ให้พร้อม ให้อยู่ใกล้มือ
เมื่อเกิดไฟฟ้าดับจะได้หยิบใช้ได้
อย่างทันท่วงที และน้ำสะอาด
พร้อมทั้งอุปกรณ์เครื่องหุ้มตุ้ม
9. เตรียมอาหารสำรอง อาหารกระป๋องไว้บ้างสำหรับการยังชีพในระยะเวลา 2-3 วัน
10. ดับเตาไฟให้เรียบร้อยและควรจะมีอุปกรณ์สำหรับดับเพลิงไว้
11. เตรียมเครื่องเวชภัณฑ์
12. สิ่งของควรไว้ในที่ต่ำ เพราะอาจจะตกหล่น แตกหักเสียหาย
13. บรรดาเรือ แพ
ให้ลงสมอยึดตรึงให้มั่นคงแข็งแรง
14. ถ้ามีรถยนต์ หรือพาหนะ
ควรเตรียมไว้ให้พร้อมภายหลังพายุสงบอาจต้องนำผู้ป่วยไปส่ง โรง
พยาบาล
น้ำมันควรจะเติมให้เต็มถังอยู่ตลอดเวลา
15. เมื่อลมสงบแล้วต้องรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง ถ้าพ้นระยะนี้แล้วไม่มีลมแรงเกิดขึ้นอีก
จึงจะวาง
ใจว่าพายุได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทั้งนี้เพราะ
เมื่อศูนย์กลางพายุผ่านไปแล้วจะต้องมีลมแรงและฝนตก
หนักผ่านมาอีก ประมาณ 2 ชั่วโมง
16. ตั้งสติให้มั่นในการติดสินใจ ช่วยครอบครัวให้พ้นอันตรายในขณะวิกฤต
โทรปรึกษานัก
พยากรณ์อากาศ
การป้องกันอันตรายจากวาตภัย
# เมื่อพายุสงบแล้ว
1.
เมื่อมีผู้บาดเจ็บให้รีบช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่ใกล้เคียงให้เร็ว
ที่สุด
2. ต้นไม้ใกล้จะล้มให้รีบจัดการโค่นล้มลงเสีย มิฉะนั้นจะหักโค่นล้มภายหลัง
3. ถ้ามีเสาไฟฟ้าล้ม สายไฟขาดอย่าเข้าใกล้หรือแตะต้องเป็นอันขาด ทำเครื่องหมายแสดง
อันตราย
4.
แจ้งให้เจ้าหน้าที่หรือช่างไฟฟ้าจัดการด่วน อย่าแตะโลหะที่เป็นสื่อไฟฟ้าเมื่อปรากฏว่าท่อ
ประปาแตกที่ใด ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาแก้ไขโดยด่วน
5. อย่าเพิ่งใช้น้ำประปา เพราะน้ำอาจไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากท่อแตกหรือน้ำท่วม
ถ้าใช้น้ำประปาขณะ
นั้นดื่มอาจจะเกิดโรคได้ ให้ใช้น้ำที่กักตุนก่อนเกิดเหตุดื่มแทน
6. ปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่อาจจะเกิดขึ้นได้
Wind Shear
Wind shear นั้นเป็นลมที่เกิดจากการที่ลมสองกระแสปะทะกันอย่างรุนแรง
สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วโลกและมักจะเกิดในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เช่น
จากร้อนไปหนาว ซึ่ง Wind shear อาจเปลี่ยนไปเป็น
ไมโครเบิร์ท
ซึ่งไมโครเบิร์ทนั้นคือลมใต้มาตรฐานก่อนฝนตก
ซึ่งมีความรุนแรงมาก
วินเชียร์ที่กระทบกระเทือน
และเป็นอันตรายมากต่อการบิน ได้แก่ วินเชียร์ที่เกิดขึ้นในระดับต่ำๆ
ซึ่ง
สูงจากทางวิ่งของสนามบินไม่เกิน 500 เมตร
เป็นวินเชียร์ที่เกิดขึ้นในระดับต่ำๆ
ใกล้กับทางวิ่งของ
สนามบิน วินเชียร์เกิดจากการเคลื่อนที่ของอากาศในบรรยากาศชั้นหนึ่งเคลื่อนผ่านบรรยากาศชั้น
หนึ่งที่อยู่ติดๆกันซึ่งมีตั้งแต่ขนาด
เล็กๆที่เกิดจากลมกระโชกแรงๆจนถึงการไหลของมวลอากาศ
ขนาดใหญ่ โดยเกิดจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่ง
หรือมากกว่า
เกิดร่วมกันเช่นพายุฟ้าคะนอง แนวปะทะอากาศ ลมทะเลฯลฯ ซึ่งวินเชียร์ที่เป็นอันตรายต่อการบิน
บ้านเราจะเกิดจากพายุ
ฟ้าคะนองเท่านั้น การตรวจวินเชียร์เป็นการเตือนภัยไม่ให้เครื่องบินเข้าไป
ในบริเวณที่เป็นวินเชียร์ซึ่งจะถูกโยนตัวขึ้น-ลงจนนักบินไม่สามารถ
ควบคุมเครื่องได้ ถ้ารุนแรง
มาก ชิ้นส่วนของเครื่องบินอาจฉีกขาด ทำให้เครื่องตกได้
-จบหัวข้อศึกษาเรื่องวาตภัยค่ะ ขอบคุณที่รับชมนะค่ะ-
วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555
>>..Landslide Potential Map By GIS
หัวข้อนี้ผู้เขียนอยากนำเสนอปัญหาพิเศษของตนเองสมัยเรียน ป. ตรี คะ่
เผื่อใครสนใจงานทางนี้ ศึกษาคร่าว ๆ ได้เลยค่ะ
หัวข้อที่ผู้เขียนศึกษาจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินถล่มในอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ในการวิเคราะห์จัดมำแผนที่
Landslide
Potential Map at Lomkao
District, Phetchabun Province
using
Geographic
Information System
Case study ของจังหวัดที่เคยเกิดแผ่นดินถล่ม ที่ใครหลายคนยังไม่ลืม
บ้านน้ำก้อ อ.หล่มสัก
บ้านน้ำลี จ.อุตรดิตถ์
1.ความหมายของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ GIS
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือ Geographic Information System : GIS
คือกระบวนการทำงานเกี่ยวกับข้อมูลในเชิงพื้นที่ด้วย ระบบคอมพิวเตอร์
ที่ใช้กำหนดข้อมูลและสารสนเทศ ที่มีความสัมพันธ์กับตำแหน่งในเชิงพื้นที่
หรือจะกล่าวอย่างง่ายๆก็ได้ว่าเป็นการจัดการฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ เช่น ที่อยู่
บ้านเลขที่ สัมพันธ์กับตำแหน่งในแผนที่ ตำแหน่ง เส้นรุ้ง เส้นแวง ข้อมูลและแผนที่ใน
GIS เป็นระบบข้อมูลสารสนเทศที่อยู่ในรูปของ ตารางข้อมูล และ
ฐานข้อมูลที่มีส่วนสัมพันธ์กับข้อมูลเชิงพื้นที่ (Spatial Data)
ซึ่งรูปแบบและความสัมพันธ์ของข้อมูลเชิงพื้นที่ทั้งหลาย จะสามารถนำมาวิเคราะห์ด้วย
GIS และทำให้ สื่อความหมายในเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์กับช่วงเวลาได้
ใช้เป็นชุดของเครื่องมือที่มีความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูล
รักษาข้อมูลและการค้นคืนข้อมูล เพื่อจัดเตรียมและปรับแต่งข้อมูล
เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และการแสดงผลข้อมูลเชิงพื้นที่
เพื่อให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น การแพร่ขยายของโรคระบาด
การเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน การบุกรุกทำลาย การเปลี่ยนแปลงของการใช้พื้นที่ ฯลฯ
ข้อมูลเหล่านี้ เมื่อปรากฏบนแผนที่ทำให้สามารถแปลและสื่อความหมาย
นำไปใช้งานได้ง่าย
2.วัตถุประสงค์
Specify Landslide Hazard Area.
By study
about many factor to determine, that
apply to Landslide Hazard
Potential Map
3.พื้นที่ศึกษา
อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์
4.ขั้นตอนการศึกษา
5.วิธีการที่ใช้วิเคราะห์
Weighted
factor index used for creating Landslide Potential Map
- Rock Type
- Slope
- Precipitation
- Land use
- Elevation
3. วิเคราะห์ความชัน
แผนที่เส้นชั้นน้ำฝน
4. วิเคราะห์การใช้ประโยชน์ที่ดิน
แผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดิน
5. วิเคราะห์ความสูง
แผนที่แสดงความสูง
7. ผลการศึกษาและวิเคราะห์
จะได้แผนที่พื้นที่ที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มทั้ง 5 ระดับ ต่ำ ต่ำมาก ปานกลาง สูง และสูงมาก ดังรูปนี้
(ผู้เขียนหวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยต่อใครหลาย ๆ คนค่ะที่อยากศึกษางานด้านนี้)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)