วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

>>..ภัยพิบัติจากวาตภัย Strom Disaster

ผู้เขียนขอนำความรู้เกี่ยวกับวาตภัย การเกิดวาตภัยมาให้ศึกษากันค่ะ

นิยามและความหมาย
                  วาตภัย หมายถึง ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดจากความแปรปรวนของมวลอากาศอย่างรุนแรงจากพายุฤดูร้อน และพายุหมุนเขตร้อน ซึ่งปรากฏในบริเวณที่มีการยกตัวของมวลอากาศ เช่น ความกดอากาศต่ำ หรือแนวปะทะอากาศ (front) ก่อให้เกิดลมกรรโชกแรง ลูกเห็บ ฟ้าผ่า และพายุฝนฟ้าคะนอง


สาเหตุการเกิดวาตภัย
# พายุฟ้าคะนอง(Thunderstorm) เกิดจากสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล 
# พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Rain Storm)
# พายุฤดูร้อน จะเกิดในช่วงที่มีลักษณะอากาศร้อนอบอ้าวติดต่อกันหลายวัน แล้วมีกระแสอากาศเย็น
จากความกดอากาศสูงมาปะทะกันทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองมีพายุลมแรง และอาจมีลูกเห็บตกได้จะทำ
ความเสียหายในบริเวณที่ไม่กว้างนัก
 # ลมงวง (Tornado) เป็นพายุหมุนรุนแรงขนาดเล็กที่เกิดจากการหมุนเวียน ของลมภายใต้เมฆก่อตัว
ในทางตั้ง

การไหลเวียนของอากาศ อาศัยหลักการที่ว่า “อากาศร้อนจะลอยตัวขึ้นสู่ที่สูงอากาศเย็นจะจมตัวลงมา
ที่พื้น” ใช้อธิบายการเกิดลมบกลมทะเลและการเกิดลมมรสุม



การไหลเวียนบรรยากาศของโลกในอุดมคติ
 
ลักษณะของวาตภัย 

         พายุฟ้าคะนอง (Thunderstorms)
# เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันเหนือพื้นผิวโลก บริเวณขั้วโลกเหนือ และขั้ว
 โลกใต้ที่อยู่ในละติจูดที่สูงขึ้นไป มักจะเกิดขึ้นในฤดูร้อน
# สำหรับประเทศไทยพายุฝนฟ้าคะนองสามารถก่อตัวได้เกือบตลอดเวลา โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมถึง
เดือนพฤษภาคม พายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นจะมีความรุนแรงกว่าปกติ จนเกิดเป็นลักษณะที่เรียกว่า “พายุ
ฤดูร้อน”
# มีลมกรรโชกแรง ฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่า แต่ไม่รุนแรงเท่าพายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดในฤดู
ร้อน แต่อาจเกิดอุทกภัยได้พายุฝนฟ้า
# ความเร็วลมประมาณ 50 km./hr.
# ก่อนเกิดวาตภัยอากาศร้จะอนอบอ้าว มีลมแรงเป็นช่วงๆ



        พายุลูกเห็บ(Hail Storms)
# ลูกเห็บ เป็นก้อนน้ำลักษณะเหมือนน้ำแข็ง มีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 5-50 mm
# เกิดจากละอองหยาดฝนซึ่งเย็นแบบยิ่งยวด ในเมฆฝน ปะทะกับฝุ่น หรือ ก้อนลูกเห็บที่เกาะตัวอยู่ก่อน
แล้ว เนื่องจากลมที่พัดพาอยู่เบื้องบน ดังนั้นลูกเห็บอาจเกาะตัวจนเป็นก้อนใหญ่มีน้ำหนักเกินกว่าที่ลมจะ
พัดให้ลอยอยู่ได้และตกลงมา
# มักจะมากับ พายุฝนที่รุนแรง และมักจะมีอากาศเย็น เนื่องจากการลอยตัวขึ้นของอากาศร้อนและแรง
ดึงดูดของโลก ลูกเห็บที่ลอยตัวอยู่นานก็จะมีขนาดใหญ่ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ลูกเห็บขนาดใหญ่ก็อาจเกิด
ขึ้นได้ในเขตที่มีอากาศร้อน เนื่องมาจากการลอยตัวขึ้นที่รุนแรงของอากาศร้อน และยังสามารถเกิดขึ้น
ได้ในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย



      Tornado
# เกิดจากเมฆที่ก่อตัวขึ้นในแนวดิ่ง ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “เมมคิวบูโลพิมพัส (Cumulomimbus)” 
นอกจากนี้ถ้าก่อตัวขึ้นในบริเวณพื้นที่ระบบกว้างใหญ่
# สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายลักษณะ โดยลักษณะที่พบได้บ่อยสุดคือลักษณะรูปทรงกรวย
# มีพลังทำลายได้สูง โดยความเร็วลมสามารถสูงมากถึง 500 km/hr.

        

    พายุหมุนเขตร้อน(Tropical cyclone)
# จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน เป็นพายุที่เกิดขึ้นเหนือในเขตเส้นศูนย์สูตร มีศูนย์กลางประมาณ 200 กม. มี
ลมพัดเวียนรอบศูนย์กลางทิศทวนเข็มนาฬิกา
ตาพายุ เป็นบริเวณที่มีลมสงบ อากาศโปร่งใส โดยอาจมีเมฆและฝนบ้างเล็กน้อย
# ก่อนเกิดวาตภัย อากาศดี เมื่อด้านหน้าของพายุมาถึงบริเวณนี้จะมีลมแรง ฝนตกหนักและมีพายุฝนฟ้า
คะนอง ลมกระโชก ในขณะที่ตาพายุมาถึง อากาศจะโปร่งใสอีกครั้ง และเมื่อด้านหลังของพายุหมุนมา
ถึง อากาศจะเลวร้ายลงอีกครั้งและรุนแรงกว่าครั้งแรก




# มีชื่อเรียกต่างกันไปตามแหล่งกำเนิด
   -  พายุที่เกิดในอ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอินเดียเรียก “ไซโคลน (CYCLONE)
  พายุที่เกิดในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ทะเลแคริบเบียน อ่าวเม็กซิโก เรียก “เฮอร์ริเคน 
(HURRICANE)”
   - พายุที่เกิดในมหาสมุทรแปซิฟิก และทะเลจีนใต้เรียก ไต้ฝุ่น (TYPHOON)
   - พายุที่เกิดแถบทวีปออสเตรเลียเรียก วิลลี-วิลลี (WILLY-WILLY)

# พายุหมุนเขตร้อนที่มีอิทธิพลต่อลมฟ้าอากาศของประเทศไทย ส่วนใหญ่มีแหล่งกำเนิดในมหาสมุทร
แปซิฟิก ซึ่งมีการแบ่งเกณฑ์ความรุนแรงของพายุตามข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยใช้ความเร็วลมใกล้
ศูนย์กลางพายุดังนี้
 -  พายุดีเปรสชั่น(Depression)    ความเร็วลมไม่เกิน 61 km./hr.
 พายุโซนร้อน     ความเร็วลม ระหว่าง 62 ถึง 117 km./hr.
  - พายุไต้ฝุ่น(Typhoon)    ความเร็วลม มากกว่า 118 km./hr.






 Hurrican Katrina ถล่ม New Orleans เมื่อเดือนกันยายน 2005

    พายุหิมะ (Blizzard)
ลมพายุที่หนาวจัดและหอบเอาหิมะมาด้วยเป็นจำนวนมาก ส่วนมากเป็นหิมะฝอย ๆ ละเอียดและแห้ง 
หรือย่างน้อยก็พัดหอบเอาหิมะขึ้นไปจากพื้นดิน
# สหรัฐอเมริกากำหนดไว้ว่ามีความเร็วลม 32 miles/hr.
# มื่อลมนี้หอบเอาหิมะมาจะทำให้ทัศนวิสัยลดลง และถ้าพายุหิมะแรงจัดมากบางครั้งทัศนวิสัยจะเป็น
ศูนย์



การเกิดวาตภัยในประเทศไทย 
พายุหมุนฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคม ส่วนมากจะเกิดขึ้นในบริเวณภาคเหนือ 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก
# พายุฝนฟ้าคะนองจะเกิดในฤดูฝน ช่วงเปลี่ยนฤดูกาลในตอนต้นฤดูฝน (กลางเดือนพฤษภาคม) และ
ตอนปลายฤดูฝนก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว (กลางเดือนตุลาคม)
#พายุหมุนเขตร้อน เกิดในฤดูฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม (พายุไซโคลนในทะเลอันดามัน) ถึงเดือน
ตุลาคม (พายุหมุนเขตร้อนในทะเลจีนใต้)

   
ลักษณะของการหมุนเวียนของกระแสอากาศชั้นบนและชั้นล่างในแต่ละฤดูกาลของประเทศไทย


 
  ช่วงเวลาของพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนที่ผ่านเข้ามาในประเทศไทย

เปอร์เซ็นต์ความถี่ที่ศูนย์กลางพายุเคลื่อนผ่านประเทศไทยในช่วงปี พศ. 2599-2544

 ความเสียหายจากพายุเกย์ ที่จังหวัดชุมพรเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2532 ประชาชนเสียชีวิต 602 คน บาดเจ็บ 5,495 คน บ้านเรือนเสียหาย 61,258 หลัง ทรัพย์สินสูญเสียราว 11,739,595,265 บาท  

เส้นทางของพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนที่พัดผ่านภาคตะวันออก ในคาบ 50 ปี

จำนวนพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนตัวเข้าภาคตะวันออกในแต่ละเดือน ในคาบ 50 ปี
 ผลกระทบที่เกิดจากวาตภัย 
ต้นไม้ถอนรากถอนโคน ต้นไม้ทับบ้านเรือนพัง สวนไร่นา เสียหายหนักมาก
# บ้านเรือนที่ไม่แข็งแรง ไม่สามารถต้านทานความรุนแรงของลมได้พังระเนระนาด หลังคาบ้านที่ทำด้วย
สังกะสีจะถูกพัดเปิด กระเบื้องหลังคาปลิวว่อน
#เสาไฟฟ้า เสาโทรเลข เสาโทรศัพท์ล้ม สายไฟฟ้าขาด ไฟฟ้าลัดวงจร
ผู้คนที่พักอยู่ริมทะเล จะถูกคลื่นซัดท่วมบ้านเรือน และกวาดลงทะเล
# ฝนตกหนักมากทั้งวันและทั้งคืน อุทกภัยจะตามมา

# น้ำป่าจากภูเขาไหลหลากลงมาอย่าง รุนแรง ท่วมบ้านเรือน ถนน เส้นทางคมนาคม
# ในทะเลลมพัดแรงจัดมาก คลื่นใหญ่ เรือขนาดใหญ่อาจถูกพัดพาไปเกยฝั่งหรือชนหินโสโครกทำให้จม
ได้

การกำหนดขอบเขตพื้นที่วิกฤตจากวาตภัย
ศึกษาข้อมูลสถิติการเกิดวาตภัย และความรุนแรงของการเกิดวาตภัยในอดีต ตลอดจนระดับความเร็ว
ลมใกล้ศูนย์กลาง และเส้นทางพายุหมุนเขตร้อนซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดวาตภัย
# ศึกษาข้อมูลความเร็วลมสูงสุดรายวัน อย่างน้อยในรอบ 30 ปี แบ่งระดับความเร็วลม เพื่อแสดงระดับ
ความรุนแรงของวาตภัย
# แบ่งลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ภูเขา พื้นที่ลอนลาด พื้นที่ราบ และพื้นที่น้ำท่วมถึง
# กำหนดน้ำหนักในแต่ละปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดวาตภัย โดยมีค่าถ่วงน้ำหนักของปัจจัยต่างๆ คือ ความ
เร็วลม ความถี่ที่พายุเข้า ความถี่ที่พายุเคลื่อนที่ผ่าน สภาพภูมิประเทศรัศมีความรุนแรงของพายุหมุนเขต
ร้อนในระดับต่างๆ เพื่อนำมากำหนดขอบเขตระดับเสี่ยงวาตภัย 
# จัดทำแผนที่แสดงระดับความเสี่ยงวาตภัย โดยการใช้ระบบ GIS
# คำนวณหาบริเวณพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลจากพายุหมุนเขตร้อนที่ระดับต่างๆ โดยพิจารณาจากพื้นที่ที่อยู่
ในรัศมีที่ศูนย์กลางพายุเคลื่อนที่ผ่าน ในเขต 50 และ 100 กิโลเมตร

ระดับพื้นที่เสี่ยงวาตภัย (Risk Area Level)
พื้นที่เสี่ยงวาตภัยระดับสูง เป็นพื้นที่ที่อยู่ในรัศมี 50 กิโลเมตร จากแนวศูนย์กลางการเคลื่อนที่ของ
 พายุ สภาพพื้นที่เป็นที่ราบต่ำ อยู่ใกล้แถบชายฝั่งทะเล หรือพื้นที่เกาะ
#  พื้นที่เสี่ยงวาตภัยระดับปานกลาง เป็นพื้นที่อยู่ในแนวรัศมี 50 - 100 กิโลเมตร จากแนวศูนย์กลาง
พายุ สภาพพื้นที่เป็นที่ลอนลาดและที่ราบเชิงเขา สภาพการใช้ประโยชน์มักจะเป็นพื้นที่เกษตรเป็นส่วน
ใหญ่ 
#  พื้นที่เสี่ยงวาตภัยระดับต่ำ เป็นพื้นที่อยู่นอกแนวรัศมี 100 กิโลเมตร จากศูนย์กลางการเคลื่อนที่
ของพายุ สภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงเป็นส่วนใหญ่ ความเสียหายจึงเกิดขึ้นไม่มาก


การป้องกันอันตรายจากวาตภัย
การเตรียมการและขณะเกิดวาตภัย
         1. ติดตามข่าวและประกาศคำเตือนลักษณะอากาศร้ายจากกรมอุตุนิยมวิทยา
2. เตรียมวิทยุและอุปกรณ์สื่อสาร ชนิดใช้ถ่านแบตเตอรี่ เพื่อติดตามข่าวในกรณีที่ไฟฟ้าขัดข้อง
3. ตัดกิ่งไม้ หรือรีดกิ่งไม้ที่อาจหักได้จากลมพายุ โดยเฉพาะกิ่งที่จะหักมาทับบ้าน สายไฟฟ้า ต้นไม้ที่ตายยืนต้นควรจัดการโค่นลงเสีย
4. ตรวจเสาและสายไฟฟ้าทั้งในและนอกบริเวณบ้านให้เรียบร้อย ถ้าไม่แข็งแรงให้ยึดเหนี่ยวเสาไฟฟ้าให้มั่นคง
5. พักในอาคารที่มั่นคงตลอดเวลาขณะเกิดวาต
ภัย อย่าออกมาในที่โล่งแจ้ง เพราะต้นไม้และกิ่งไม้ อาจหักโค่นลงมาทับได้ รวมทั้งสังกะสีและกระเบื้องจะปลิวตามลมมาทำอันตรายได้ 
6. ปิดประตู หน้าต่างทุกบาน รวมทั้งยึดประตูและหน้าต่างให้มั่นคงแข็งแรง ถ้าประตูหน้าต่างไม่
แข็งแรง ให้ใช้ไม้ทาบตีตะปูตรึงปิดประตู หน้าต่างไว้จะปลอดภัยยิ่งขึ้น 
7. ปิดกั้นช่องทางลมและช่องทางต่าง ๆ ที่ลมจะเข้าไปทำให้เกิดความเสียหาย 
8. เตรียมตะเกียง ไฟฉาย และไม้ขีดไฟไว้ให้พร้อม ให้อยู่ใกล้มือ เมื่อเกิดไฟฟ้าดับจะได้หยิบใช้ได้
อย่างทันท่วงที และน้ำสะอาด พร้อมทั้งอุปกรณ์เครื่องหุ้มตุ้ม
9. เตรียมอาหารสำรอง อาหารกระป๋องไว้บ้างสำหรับการยังชีพในระยะเวลา 2-3 วัน 
10. ดับเตาไฟให้เรียบร้อยและควรจะมีอุปกรณ์สำหรับดับเพลิงไว้ 
11. เตรียมเครื่องเวชภัณฑ์ 
12. สิ่งของควรไว้ในที่ต่ำ เพราะอาจจะตกหล่น แตกหักเสียหาย
13. บรรดาเรือ แพ ให้ลงสมอยึดตรึงให้มั่นคงแข็งแรง
14. ถ้ามีรถยนต์ หรือพาหนะ ควรเตรียมไว้ให้พร้อมภายหลังพายุสงบอาจต้องนำผู้ป่วยไปส่ง โรง
พยาบาล น้ำมันควรจะเติมให้เต็มถังอยู่ตลอดเวลา
15. เมื่อลมสงบแล้วต้องรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง ถ้าพ้นระยะนี้แล้วไม่มีลมแรงเกิดขึ้นอีก จึงจะวาง
ใจว่าพายุได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทั้งนี้เพราะ เมื่อศูนย์กลางพายุผ่านไปแล้วจะต้องมีลมแรงและฝนตก
หนักผ่านมาอีก ประมาณ 2 ชั่วโมง
16. ตั้งสติให้มั่นในการติดสินใจ ช่วยครอบครัวให้พ้นอันตรายในขณะวิกฤต โทรปรึกษานัก
พยากรณ์อากาศ  
การป้องกันอันตรายจากวาตภัย
เมื่อพายุสงบแล้ว
 
1. เมื่อมีผู้บาดเจ็บให้รีบช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่ใกล้เคียงให้เร็ว ที่สุด
2. ต้นไม้ใกล้จะล้มให้รีบจัดการโค่นล้มลงเสีย มิฉะนั้นจะหักโค่นล้มภายหลัง
3. ถ้ามีเสาไฟฟ้าล้ม สายไฟขาดอย่าเข้าใกล้หรือแตะต้องเป็นอันขาด ทำเครื่องหมายแสดง
อันตราย
4. แจ้งให้เจ้าหน้าที่หรือช่างไฟฟ้าจัดการด่วน อย่าแตะโลหะที่เป็นสื่อไฟฟ้าเมื่อปรากฏว่าท่อ
ประปาแตกที่ใด ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาแก้ไขโดยด่วน
5. อย่าเพิ่งใช้น้ำประปา เพราะน้ำอาจไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากท่อแตกหรือน้ำท่วม ถ้าใช้น้ำประปาขณะ
นั้นดื่มอาจจะเกิดโรคได้ ให้ใช้น้ำที่กักตุนก่อนเกิดเหตุดื่มแทน
6. ปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่อาจจะเกิดขึ้นได้

Wind Shear

 
Wind shear  นั้นเป็นลมที่เกิดจากการที่ลมสองกระแสปะทะกันอย่างรุนแรง สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วโลกและมักจะเกิดในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เช่น จากร้อนไปหนาว ซึ่ง Wind shear อาจเปลี่ยนไปเป็น ไมโครเบิร์ท ซึ่งไมโครเบิร์ทนั้นคือลมใต้มาตรฐานก่อนฝนตก ซึ่งมีความรุนแรงมาก




วินเชียร์ที่กระทบกระเทือน และเป็นอันตรายมากต่อการบิน ได้แก่ วินเชียร์ที่เกิดขึ้นในระดับต่ำๆ ซึ่ง

สูงจากทางวิ่งของสนามบินไม่เกิน 500 เมตร เป็นวินเชียร์ที่เกิดขึ้นในระดับต่ำๆ ใกล้กับทางวิ่งของ

สนามบิน วินเชียร์เกิดจากการเคลื่อนที่ของอากาศในบรรยากาศชั้นหนึ่งเคลื่อนผ่านบรรยากาศชั้น

หนึ่งที่อยู่ติดๆกันซึ่งมีตั้งแต่ขนาด เล็กๆที่เกิดจากลมกระโชกแรงๆจนถึงการไหลของมวลอากาศ

ขนาดใหญ่ โดยเกิดจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมากกว่า

เกิดร่วมกันเช่นพายุฟ้าคะนอง แนวปะทะอากาศ ลมทะเลฯลฯ ซึ่งวินเชียร์ที่เป็นอันตรายต่อการบิน

บ้านเราจะเกิดจากพายุ ฟ้าคะนองเท่านั้น การตรวจวินเชียร์เป็นการเตือนภัยไม่ให้เครื่องบินเข้าไป

ในบริเวณที่เป็นวินเชียร์ซึ่งจะถูกโยนตัวขึ้น-ลงจนนักบินไม่สามารถ ควบคุมเครื่องได้ ถ้ารุนแรง

มาก ชิ้นส่วนของเครื่องบินอาจฉีกขาด ทำให้เครื่องตกได้



-จบหัวข้อศึกษาเรื่องวาตภัยค่ะ ขอบคุณที่รับชมนะค่ะ-

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น